
ไม่ได้ขู่ให้กลัวนะคะ คนยุค 4G มีเวลาอ่านกันน้อยจริงๆ แต่คนสื่อสารพร้อมๆ กับเรานี่สิมีนับพัน นับหมื่น ยอมรับเลยว่าวงการนี้อยู่ยากค่ะ นอกจากต้องแข่งขันกับ Facebook Page หรือ Web Content ต่างๆ ด้วยกันเองแล้ว เรายังถูกท้าทายจากรอบด้าน ทั้ง MV, ซีรีส์ หรือ อีเว้นท์ต่างๆ แต่เราคนเขียนคอนเทนต์จะอยู่รอดในสังเวียนนี้ได้ยังไง? จะทำไงเรื่องที่เราเขียนถึงจะถูกคลิกเข้ามาอ่าน? วันนี้กิจกรรม After School ครั้งที่ 14 ในหัวข้อ Storytelling พี่ก้อง ทรงกลด บางยี่ขัน บรรณาธิการ นิตยสาร a day มาแบไต๋กลยุทธ์เล่าเรื่องให้น่าสนใจ เคล็ดลับนี้จะช่วยให้ทุกคนหยิบเรื่องมาเล่าได้โดนใจคน อยากรู้เคล็ดลับ ตามมาอ่านกันค่ะ
1. รู้เขารู้เราก่อนลงสนาม พี่ก้องเล่าว่า Agency โฆษณาแห่งหนึ่งมีโปรแกรมแสกน 100 เพจที่ยอด like เยอะที่สุดในเมืองไทย และวิเคราะห์ดูว่า เรื่องราวแบบไหนกันที่คนไทยสนใจแบบเห็นแล้วต้องคลิกเข้าไปอ่านทันที จากการวิเคราะห์ คอนเทนต์ไหนมีเรื่องความรักมาเอี่ยวคนจะชอบเป็นพิเศษ เรื่องเกี่ยวกับเซ็กซ์คนก็อ่านเยอะไม่แพ้กัน อีกเรื่องที่คนนิยมเข้ามาอ่านเป็นเรื่องตลกขำขัน เรื่องน่ากลัวๆ อย่างเรื่องผี คลิปไอ้เข้กินคุณยาย ก็ไม่น่าเชื่อว่ายอด like เยอะมาก หรืออะไรที่เป็นเรื่องดราม่า คนก็จะตามเข้าไปเสพกันโดยพลัน ดังนั้นแล้ว ถ้าคิดจะทำคอนเทนต์จะเอาแต่หลับหูหลับตาเขียนไม่ได้นะคะ ต้องคอยสอดส่องโลกรอบๆ บ้าง จะได้ไอเดียใหม่ๆ อะไรดีๆ ก็หยิบมาใช้ อะไรไม่ดีก็เรียนรู้ไว้ จะได้ไม่ทำตาม คอนเทนต์อะไรที่ like เยอะแต่น่าขยะแขยงก็อย่าไปทำค่ะ
2. หาคนที่ใช่และเข้าใจเขาให้มากๆ ไม่ต้องคุยกับคนเยอะ งานเขียนยุคนี้ไม่มีงานที่ดี 100 เปอร์เซนต์สำหรับทุกคนอีกแล้วค่ะ ต่อให้งานเทพแค่ไหน ยังไงก็มีคนไม่ชอบงานเราอยู่ดี ดังนั้นก็อย่าไปเปลืองแรงกับคนที่ไม่ใช่ เอาเวลามาหาคนที่ใช่ดีกว่าแล้วทำความเข้าใจเขาให้มากๆ เพราะเขียนงานให้คนชอบก็เหมือนเอาใจแฟน ต้องรู้ก่อนว่าเขาชอบอะไร อยากฟังอะไร พูดแบบไหนแล้วเคลิ้ม เท like ให้ พูดแบบไหนไม่ชอบ พูดแบบไหนแล้วโกรธ จะได้เอาใจถูก ใครทำเพจอยู่ ลองกลับไปดูเพจของตัวเอง รู้กันหรือเปล่าว่าลูกเพจเราคือคนกลุ่มไหน? จะเป็นเด็กวัยรุ่น คุณพ่อคุณแม่ คุณครู นักการตลาด ฯลฯคนกลุ่มไหนที่ติดตามเรา?วิธีทำความเข้าใจลูกเพจทำได้หลายแบบเลย เริ่มจากสังเกตเองว่าเขียนคอนเท้นต์แบบไหนแล้วlike ถล่มทลาย เขียนคอนเท้นต์แบบไหนlike ไม่ขึ้นเลย หรือสุ่มถามความเห็นคนรอบ ใครอยากรู้ลึกหน่อยจะทำโฟกัสกรุ๊ปเล็กๆดูก็ได้ พี่ก้องมีทริคเล็กๆมาฝากค่ะ 3 คำถามต่อไปนี้จะทำให้ทุกคนหาคนที่ใช่เจอและเข้าใจพวกเขามากขึ้น กระซิบซักนิด 3 คำถามนี้เป็นคำถามที่พี่ก้องใช้ในการคิดงานทุกครั้งเลย
- เรากำลังสื่อสารกับใคร?
- คนที่เราสื่อสารด้วยสนใจอะไร? ไม่สนใจอะไร?
- แล้วตัวเราอยากสื่อสารเรื่องอะไร?
3. Message โดนใจ การสื่อสารต้องมี Key Massage หรือเรียกกันว่าหมัดฮุค เป็นท่าไม้ตายพูดไปแล้วคนจะใจอ่อน อยากฟัง อยากรู้ อยากเข้าร่วมด้วย แต่ก่อนจะคิด Massage ฮุคใจคนได้ ต้องหาเหตุผลที่เขาใจอ่อน เหตุผลที่เขาอยากฟังเราให้เจอก่อน การสื่อสารก็เหมือนการบอกรัก เราจะใช้ประโยคไหน สื่อสารยังไงให้เขารับรักเรา แหม่!! เหตุผลที่เขาจะรับรักเรามีเป็นร้อยเป็นพัน แต่เหตุผลไหนกันที่หยิบขึ้นมาใช้แล้วเขาปฎิเสธไม่ลง ใน Worskhop พี่ก้องให้ทุกคนคิดคำพูดขอแต่งงานที่อีกฝ่ายจะ Say Yes เท่านั้น มีประโยคฮุคเจ๋งๆที่พี่ก้องชอบ เช่น กูท้องแต่งเหอะ, Free สินสอด และ แต่งกับพี่กินบุฟเฟ่ฟรีตลอดชีวิต
4. ขึ้นต้นสนุกหยุดอ่านไม่ได้ เชื่อว่าทุกคนเคยดูหนัง GTH สังเกตดีๆ 15 นาทีแรกจะมันมาก สนุก ตลก ตื่นเต้น ฉากตัดสลับไปสลับมา เล่าเรื่องเร็วอย่างกับรถไฟเหาะ อันนี้เป็นกลยุทธ์มัดใจคนดูของค่ายหนังอารมณ์ดี พี่ก้องบอกว่าคนสมัยนี้สมาธิสั้น ถ้า 15 นาทีแรกหนังแป๊กไม่สนุก คนพร้อมลุกเดินออกจากโรงแบบไม่แยเสค่าบัตร งานเขียนสูตรเดียวกันเปี๊ยบ จั๋วหัวเรื่องไม่สนุก ไม่เร้าใจ คนจะเลื่อนหน้าจอผ่านๆ ไม่แวะกดอ่านเสียด้วยซ้ำ การเรียบเรียงเรื่องก็เลยสำคัญ จะหยิบเรื่องไหนมาเล่าก่อน และหลอกล่อให้คนติด จนยอมอ่านจบจนบรรทัดสุดท้าย
หลายคนกลุ้มใจ เราเขียนไม่เก่ง ภาษาไม่สวย พี่ก้องบอกว่าอย่าห่วงเรื่องนั้นมากไป นักสื่อสารที่เก่งวัดกันตรงที่การหยิบเลือกเรื่องมาเล่าให้โดยใจคนนี่แหละ ไม่ต้องกังวลใจเรื่องภาษาเลยค่ะ ฝึกวิธีคิดและกลยุทธ์ดีกว่า นี่แหละท่าไม้ตายที่รบร้อยครั้ง ก็ชนะร้อยครั้ง!