knowledge

[TK Dreammakers] คำบอกเล่าประสบการณ์จากทีม Emmitt Melanthios

19 กันยายน 2022


วันที่ 20 กันยายนนี้เป็นวันเยาวชนแห่งชาติ เราจึงชวนทีม Emmitt Melanthios ผู้เข้าร่วมโครงการ TK Dreammakers ที่ TK Park ร่วมกับ School of Changemakers เปิดโอกาสให้เยาวชนอายุ 15-18 ปีได้ลองลงมือทำโปรเจกต์ มาแชร์ประสบการณ์และสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำโปรเจกต์ในครั้งนี้กัน

เกี่ยวกับทีม

ทีม Emmitt Melanthios เป็นเยาวชนจากจังหวัดภูเก็ต มีสมาชิกทีมทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย โกกิ มิลค์ นุ่น และกีต้า ปัญหาที่ทีมนี้สนใจคือ ผลกระทบทางกายจากการเรียนออนไลน์ จึงเกิดเป็นกิจกรรม Workshop Online ชวนผู้เข้าร่วมมาจัดโต๊ะเรียน และปลูกต้นไม้ เพื่อช่วยบรรเทาอาการสายตาเบลอจากการจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายคือวัยเรียน

ประสบการณ์ที่ได้รับจากโครงการ

ก่อนเข้าร่วมโครงการน้องๆ มีประสบการณ์การทำงานเป็นทีมอย่างไรบ้าง

ก่อนหน้านี้เวลาเราทำงานกลุ่มส่วนใหญ่จะเป็นการที่ใครถนัดอะไรก็จะรับงานนั้นไป ใครถนัดอะไรก็จะไม่ทำอย่างอื่นเลย หรือเพื่อนที่เป็นหัวหน้าทีมแบ่งให้ตามความถนัดของเพื่อนแต่ละคน แต่บางครั้งก็จะมีเพื่อนที่กังวลว่างานจะออกมาไม่ดีเลยรับไปทำเองคนเดียวก็มี อีกปัญหาที่เจอคือพอแบ่งงานกันไปทำ ต่างคนก็ต่างเอาไปทำแล้วค่อยเอามารวมกันตอนหลัง ทำให้บางครั้งงานออกมาคนละทิศคนละทาง หรือกลับมาเจอกันบ้างแต่ก็ไม่ครบทุกคนทำให้บางครั้งงานก็ออกมาไม่ดี 

ขณะที่อยู่ในโครงการน้องๆ มีประสบการณ์การทำงานเป็นทีมอย่างไรบ้าง เหมือนหรือต่างไปจากเดิมอย่างไรบ้าง

โกกิ: แตกต่างมาก เพราะเวลาทำงานเป็นทีมที่โรงเรียน ปกติจะเป็นหัวหน้าทีมและแบ่งหน้าที่ให้เพื่อน พอได้มาลองทำบทบาทอื่นๆ ไม่ได้เป็นหัวหน้าทีมอย่างเดียว รู้สึกดีที่ได้ลอง ชอบเป็น Notetaker (หนึ่งบทบาทในการประชุมทีมที่ผู้เข้าร่วมโครงการต้องหมุนเวียนกันมาทำ)  เพราะเวลาจดก็ได้ทบทวนด้วยว่าตอนประชุมวันนี้เราเป็นยังไงบ้าง และเพื่อนคนไหนไม่ได้เข้าก็สามารถมาอ่านจากโน้ตของเราได้ เห็นศักยภาพที่แท้จริงของเพื่อนๆ มากขึ้น เพื่อนบางคนบอกว่า ตัวเองเก่งด้านนี้ แต่พอได้ลองทำอย่างอื่น เราก็เห็นว่า เพื่อนทำสิ่งอื่นๆ นี้ได้ดีเหมือนกัน ถนัดสิ่งอื่นๆ ด้วย ได้เห็นเพื่อนค้นหาตัวเองมากขึ้น ตัวเองก็ได้ค้นหาตัวเองมากขึ้น จากปกติเป็นแต่หัวหน้าทีม ตอนนี้ได้เรียนรู้ในบทบาทอื่นๆ ด้วย และถ้าเราไม่ได้เป็นหัวหน้าทีม มีคนมามอบหมายงานให้เรา เราก็จะไม่ใช่คนตามงานแล้ว แต่จะเป็นคนส่งงานแทน

มิลค์: ต่างมากๆ เพราะแบ่งชัดเจนว่า แต่ละอาทิตย์ต้องทำอะไร ทำให้เห็นศักยภาพของตัวเองว่าเราสามารถสวมบทบาทอื่นๆ ได้ ที่เราไม่เคยลองทำ ทำให้เห็นจุดเด่นของตัวเองมากขึ้น สิ่งที่เซอร์ไพรส์เกี่ยวกับตัวเองมากคือ ปกติเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่พอต้องสื่อสารกับคนอื่นๆ ทำให้ต้องมาเตรียมตัวมากขึ้น ต้องเขียนยังไงให้คนเข้าร่วมกิจกรรมเข้าใจสิ่งที่เราจะสื่อ ตอนนี้รู้สึกว่า เราก็ทำได้นะ ถ้ามีสติ

นุ่น: แตกต่าง เพราะแบ่งหน้าที่ชัดเจน มีการพูดคุย ประชุม วางแผนงาน ต้องคุยกันทุกๆ สัปดาห์ทำให้งานออกมาดีตามที่หวัง ได้เห็นตัวเองในบทบาทใหม่ๆ รู้ว่าเราก็ทำได้นะ ปกติจะทำงานเบื้องหลัง ไม่ค่อยกล้าแสดงออก แต่ในงานนี้ได้เป็นพิธีกร ทำให้รู้สึกว่า เราทำได้ ทำให้งานไปต่อได้ พอรู้สึกว่าทำได้ ถ้ามีโอกาสก็อยากทำอีก อยากพัฒนาตัวเองไปอีกขั้นในการแสดงออกมากขึ้น ตอนเลือกมาทำหน้าที่นี้ รู้สึกอยากฮึบทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ พอได้ทำแล้วก็รู้สึกดี

กีตาร์: แตกต่างในเรื่องการแบ่งงาน การรับผิดชอบหน้าที่ต่างๆ ทำงานเป็นระบบ ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ และไม่คิดด้วยว่าจะต้องทำ ไม่คิดว่าเราจะต้องมาคุยกับคนที่ไม่รู้จัก มันยากที่เราจะต้องคุยกับคนที่ไม่สนิท พอได้ลองคุยแล้ว ก็รู้สึกว่า มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิด คนอื่นๆ ก็น่ารัก ใจดี ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองกล้าที่จะคุยกับคนอื่นๆ ที่ไม่สนิทมากขึ้น

ระหว่างการทำโปรเจกต์ มีความรู้สึกยังไงบ้าง ช่วงที่เกิดปัญหา ท้อบ้างมั้ย แล้วจัดการความรู้สึกตัวเองยังไง

รู้สึกท้อตอนที่งานรุมล้อม  งานเยอะจนรู้สึกว่าอยากทิ้งทุกอย่าง แต่เวลามีปัญหา เพื่อนๆ ก็จะคอยให้คำปรึกษา และ support กันและกัน อย่างน้อยก็มีเพื่อนๆ ที่สู้ไปด้วยกัน เวลาเหนื่อย/ท้อก็จะแชร์กัน ยื้อๆ กัน “สู้เค้าสิวะอีหญิง” เพื่อนๆ ในทีมช่วยมากๆ ไม่เฟลคนเดียว เรารู้สึกอะไร ทีมก็รู้สึกด้วย คิดตลอดว่า เราต้องทำให้ได้ เราต้องฮึบ ต้องทำให้ได้ เวลาเจออุปสรรค ไม่ได้ยอมแพ้ บอกตัวเองว่าเราจะเป็นตัวเองใน Version ที่ดีกว่านี้ได้ และถ้าจะพัฒนาคนเดียวก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเราทำงานเป็นทีม เราต้องก้าวไปด้วยกันทั้งทีม

แล้วนอกจากเพื่อนที่ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นเรา เรามีวิธีการจัดการความรู้สึกตัวเองยังไงบ้าง

นุ่น: เวลาท้อ/เหนื่อย จะมานั่งกับตัวเองก่อน เปิดยูทูปฟัง เวลาที่เหนื่อย/ท้อก็มีเพื่อนปลอบ นั่งข้างๆ ทำให้มีแรงฮึบต่อ ตอนอยู่กับตัวเองจะคิดว่า สิ่งที่ทำให้เกิดปัญหา/รู้สึกท้อคืออะไร สาเหตุคืออะไร และจะทำยังไงให้ผ่านไปได้ หาทางแก้ไขต่อไป

กีตาร์: เมื่อไหร่ที่เครียด/เหนื่อยจริงๆ ก็จะให้เวลาตัวเองพัก คิดว่าจะจัดลำดับยังไง คิดก่อนว่า อะไรต้องใช้เวลาเท่าไหร่ งานไหนที่อยากทำก็จะเก็บไว้หลังสุดเลย เก็บแรงไว้ เพราะเป็นรางวัลให้ตัวเองในตอนท้าย เพื่อที่จะทำให้งานสำเร็จ และเชื่อว่าฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ

สิ่งที่จะนำไปใช้ต่อจากโครงการนี้

โกกิ: อยากนำ Team Role ไปปรับใช้กับการทำงานกลุ่มในโรงเรียน และกิจกรรมอื่นๆ ในอนาคต  ให้คนอื่นได้มาลองฝึกบทบาทต่างๆ เพราะครั้งนี้พอทุกคนได้ลองทำบทบาทที่ไม่เคยได้ทำ ทำให้ได้เห็นศักยภาพที่แอบซ่อนไว้ทั้งของตัวเองและเพื่อน เช่น มิลค์ ได้ลองเป็น Coordinator แล้วมิลค์ทำได้ดีมาก หรืออย่างตัวเราเองก็ค้นพบศักยภาพตัวเองในการทำบัญชี จากที่ไม่เคยได้ลองเลย แต่พอได้เรียนรู้ก็เข้าใจมากขึ้น ตอนแรกคิดว่ายาก รายละเอียดเยอะ พอทำจริงก็รู้สึกว่าไม่ยากเท่าที่คิด เรียนรู้ได้ 

มิลค์: Team Role เพราะทุกคนหมุนเวียน สลับบทบาทกันตลอด และคิดว่าจะอยากรับงานที่เกี่ยวกับการสื่อสารกับคนอื่นให้มากขึ้น

นุ่น: หลักการทำงานในด้านต่างๆ ในแต่ละบทเรียนมาปรับใช้ เช่น ทำงานให้เป็นแบบแผนมีขั้นตอนให้งานสำเร็จ และการทำบัญชี ไม่เคยรู้มาก่อนว่าต้องทำแบบนี้ พอได้รู้ว่าต้องทำยังไงให้ถูกต้องก็คิดว่าอยากจะนำไปปรับใช้กับการทำงานในอนาคต

กีตาร์: Team Role สลับหน้าที่กันทำ การวางแผนงาน และเดดไลน์งานต่างๆ คิดว่านำมาปรับใช้กับงานทุกๆ อย่างได้เลย เช่น ทำงานกับเพื่อน แตกรายละเอียดย่อย ค่อยๆมองเป็นทีละก้าว ไม่ใช่มองแค่ตอนจบ

อยากบอกอะไรเพื่อนๆ ที่สนใจอยากจะลองลงมือทำโปรเจกต์

มิลค์: ไม่ต้องกลัว การทำโปรเจกต์ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับทุกๆ คน อาจจะยากและกลัวในตอนต้น อาจจะไม่แน่ใจว่าจะทำได้รึเปล่า แต่เราจะรู้สึกดีที่ได้ลงมือทำ

นุ่น: มาลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เพราะเราอาจจะเจอทักษะในด้านที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ได้ค้นพบศักยภาพใหม่ของตัวเอง เพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้ตัวเอง และพัฒนาตัวเองต่อไป

โกกิ: มาลองเปลี่ยนแปลงตัวเองไปอีกขั้นหนึ่ง เราทุกคนมีอีกมุมที่ไม่เคยรู้มาก่อน พัฒนาศักยภาพตัวเองให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ทุกคนมีอยู่แล้ว แต่แค่ยังไม่เคยได้แสดงออกมา

กีตาร์: อย่ากลัวที่จะเปิดโอกาสให้ตัวเอง การทำโปรเจกต์ครั้งนี้ให้ทั้งประสบการณ์ แนวคิด วิธีการทำงาน เป็นการซื้อประสบการณ์ให้ตัวเอง ทำให้เราได้เรียนรู้ตัวเองมากขึ้น รู้ว่าเราทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิด

และนี่คือบทสรุปประสบการณ์ที่ทีม Emmitt Melanthios ได้รับตลอดระยะเวลา 12 สัปดาห์ในโครงการ TK Dreammakers 2022 ครั้งนี้ สำหรับใครที่สนใจกิจกรรมของทีมนี้ สามารถเข้าไปอ่านข้อมูลเกี่ยวเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรเจกต์ที่ทีมทำได้ได้ที่นี่ และสามารถติดตามผ่านช่องทาง Instagram ของทีมได้ที่นี่

ใครที่สนใจอยากนำเครื่องมือที่ใช้ในโครงการ TK Dreammakers ไปศึกษาและใช้ต่อ สามารถเข้าไปดาวน์โหลด Young Starters Toolkit ได้ที่นี่


ใส่ความเห็น

เข้าสู่ระบบด้วย

หรือ