ที่มาโครงการ
เนื่องจากสถานการณ์วิกฤตโควิดทำให้เด็กหลุดออกนอกระบบหลังเปิดเทอมใหม่ ต้นทุนการศึกษาสูงเกินแบกรับ พบกลุ่มใหม่ครัวเรือนจนเฉียบพลัน ส่งผลให้เด็กหายไปจากระบบแล้ว 10% และยังหลุดต่อเนื่อง ขณะที่ชุมชนแออัด กทม. พบหนี้นอกระบบเพิ่ม หลายครอบครัวกู้เงินผ่อนมือถือเรียนออนไลน์ แนวโน้มไม่มีค่าเดินทางไปโรงเรียน
ด้าน กสศ.คาดการณ์ว่าสิ้นปีการศึกษา 2564 จะมีเด็กหลุดจากระบบ 65,000 คน มัธยมศึกษาตอนต้นอยู่ที่ 19-20% มัธยมปลายอยู่ที่ 48% พบเด็กยากจนมีโอกาสเรียนต่อเพียง 5% ต่อรุ่น จากค่าเฉลี่ยเรียนต่อของประเทศประมาณ 35% มีช่องว่างถึง 7 เท่า
สถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า ข้อมูลจากระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ iSEE พบว่ามีนักเรียนยากจนพิเศษ 1.17 ล้านคนหรือ 18% ของนักเรียนทั้งหมด ซึ่งเป็นกลุ่มยากจนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายการศึกษาสูงกว่ากลุ่มครอบครัวที่รวย 4 เท่า คือยิ่งจนยิ่งแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูง ซึ่งในครอบครัวยากจนพิเศษมีรายได้เฉลี่ย 1,077 บาทต่อเดือนต่อคน ในขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาสูงถึง 2,000 – 6,000 บาทต่อปี
ปัญหาเด็กนอกระบบไม่ใช่แค่ปัญหาการศึกษา แต่กระทบต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจด้วย โดยนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดคำนวณว่า หากประเทศไทยไม่มีเด็กหลุดจากระบบจะทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้น 3% ขณะที่อดีตนักเศรษฐศาสตร์จากยูเนสโกประเมินว่า การที่ประเทศไทยแก้ปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษาได้จะสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจมากกว่า 228,000 ล้านบาทต่อปี รายงานธนาคารโลกล่าสุดในเดือนมิถุนายนระบุว่า การเข้าถึงวัคซีนเป็นตัวแปรสำคัญต่อสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำของประเทศต่าง ๆ เศรษฐกิจโลกขยายตัว 5.6% เร็วกว่าที่คาดไว้ 1.5% เพราะการมาของวัคซีน ในขณะที่ประเทศยากจนกำลังพัฒนาเศรษฐกิจทรุดลง คนจนเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจโตเพียง 2.9% ต่ำสุดในรอบ 20 ปี จะมีมากกว่า 100 ล้านคนที่กลายเป็นกลุ่มยากจนสูงสุด หรือ extream poverty
ดังนั้น ควรเร่งการฉีดวัคซีนในครู ในเด็กหากทำได้ และในภาพรวม ควรฉีดให้ได้ 90% เพื่อการฟื้นกลับคืนทั้งทางเศรษฐกิจ การศึกษาโดยเร็ว เพราะจะทำให้สถานการณ์กลับเข้าสู่การฟื้นฟู และยิ่งเปิดเรียนเร็วเท่าไหร่ยิ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจเท่านั้น โดยผลกระทบจากการปิดเรียน 4 เดือน ส่งผลต่อจีดีพีไทย 9.12 แสนเหรียญสหรัฐ”
นอกจากนี้เด็กที่ใกล้เสี่ยงหลุดหรือหลุดแล้ว ทัศนคติ ความมุ่งมั่นทางการศึกษาน้อยมาก การดึงกลับมาเรียนหนังสือ ถ้าไม่ทำแบบประณีต สามารถเข้าถึงวิธีคิดหรือปัญหาจริง จะเห็นเด็กหลุดมากขึ้นและเป็นวิกฤตของประเทศอย่างแท้จริง
ที่มา : กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (https://www.eef.or.th, 17 มิ.ย. 64, “กสศ.สำรวจสถานการณ์เด็กหลุดออกนอกระบบหลังเปิดเทอมใหม่”)
แนวคิดโครงการ
- นักเรียนไม่หลุดออกจากระบบการศึกษาเพียงเพราะเรื่องปัญหาทางการ เงิน เด็กทุกคนควรได้รับความเท่าเทียมกันทางการศึกษา
- โรงเรียนต้องเป็นได้มากกว่าสถานที่ให้ความรู้ แต่ต้องสามารถสร้างรายได้ ให้กับนักเรียนได้ด้วยในเวลาเดียวกัน
- ภาพลักษณ์การศึกษาที่เป็นการใช้ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงต้องถูกเปลี่ยนไปเป็นการ ศึกษาที่สร้างรายได้ และมอบคุณค่า
เป้าหมายของโครงการ
1. กลุ่มเป้าหมายเข้าใจในกระบวนการ การสร้างรายได้ เงินออม และลงทุน
เพิ่มขึ้นร้อยละ 80
2. นักเรียนชั้น ม.3 และ ม.6
- มีรายได้ 1,000 บาท /เดือน
- มีเงินออม 1,000 บาท /เดือน
- และมีเงินลงทุน 1,000 บาท/เดือน
- ภายในระยะเวลา 4 เดือน
3. เครื่องมือการจัดการการเงิน
- ที่สามารถสร้างรายได้
- ทำให้ น.ร. ม.3 มีเงินเรียนต่อ
- ในระดับม.ปลายได้
ปัญหา
นักเรียน ชั้น ม.3 และ ม.6 ที่มีความเสี่ยงต่อการออกนอกระบบการศึกษา เพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ในการเรียน
วิธีการแก้ไข
การพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับอบรมให้ความรู้ ประกอบด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ ดังนี้
- กิจกรรมที่ 1 การสร้างรายได้ คือ การรวมกลุ่มของนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการศึกษาต่อ ร่วมกันทำธุรกิจตามทักษะที่สมาชิกในกลุ่มมี
- กิจกรรมที่ 2 การออม คือ การออมในรูปแบบของสหกรณ์
- กิจกรรมที่ 3 การลงทุน คือ การลงทุนซื้อหุ้นกับสหกรณ์
ทุกกิจกรรมมีวิทยากร และโค้ชสำหรับอบรมให้ความรู้ในการสร้างรายได้ การวางแผนเงิน การออม และการลงทุนให้กับนักเรียนกลุ่มนี้
ผลกระทบทางสังคม
อัตราการหลุดออกนอกระบบการศึกษาของเด็กนักเรียนอันเนื่องจากปัญหาทาง การเงินและหนี้สินมีอัตราที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ที่จะส่งผลเกิดการเพิ่มของ สมองในการขับเคลื่อนประเทศสู่การพัฒนา
แผนความยั่งยืน
เด็กไทยมีเครื่องมือจัดการทางการเงินที่ทำให้ศึกษาต่อได้จนจบปริญญาตรี