ทำไมต้องมีพื้นที่เรียนรู้
การมีพื้นที่เรียนรู้ที่มุ่งเสริมสร้างการเรียนรู้เพื่อเด็กและเยาวชนที่มีความหลากหลาย (เช่น ความหลากหลายด้านเศรษฐกิจครัวเรือน วัฒนธรรม เพศวิถี ศักยภาพที่มีมาแต่กำเนิด) มีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อสังคมในระยะยาว เนื่องจากศักยภาพเหล่านี้จะส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีพัฒนาการตามช่วงวัยที่ดี มีความสนใจใฝ่เรียนรู้ สามารถคิด วางแผน ทำตามแผนได้ ช่วยพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นสมาชิกที่มีคุณภาพที่ดีของผู้คนที่รายล้อม (บ้าน เพื่อน โรงเรียน ชุมชน) สิ่งเหล่านี้ช่วยบ่มเพาะระหว่างเส้นทางการเติบโตของพวกเขาจนเป็นผู้ใหญ่ที่มีทักษะชีวิต ทักษะสุขภาพที่ดี มีความสามารถในการบรรลุผลตามหน้าที่ เช่น การดูแลสุขภาวะของตัวเองได้ การเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น การประกอบอาชีพที่ช่วยดูแลตัวเองและครอบครัวได้ การดูแลผู้สูงวัย การเป็นพ่อแม่และพลเมืองที่ดี
หากไม่มีพื้นที่เรียนรู้ที่เป็นทางเลือกและโอกาสในการพัฒนาศักยภาพให้กับเด็กและเยาวชนที่มีความต้องการที่หลากหลาย เด็กและเยาวชนในประเทศไทยจะขาดโอกาสเข้าเรียน หรือเข้าเรียนแล้วต้องออกจากสถานศึกษาไปกลางคันและไม่ได้กลับเข้ามาเรียนอีก จากเดิมที่มีกว่าล้านคนจากปัญหาความยากจน อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลไม่มีโรงเรียน อพยพตามผู้ปกครอง ไม่มีสัญชาติ มีความเสียเปรียบทางกายภาพ (เป็นผู้พิการหรือมีความต้องการพิเศษ) และปัญหาส่วนตัว เช่น ท้องก่อนพร้อม ติดยาเสพติด หรือถูกจับ ต้องคดี เป็นต้น
นอกจากเด็กกลุ่มนี้ พื้นที่เรียนรู้ยังเป็นพื้นที่สำหรับเด็กที่ถูกผลักออกจากระบบการศึกษาที่เน้นความรู้เชิงวิชาการ และการเรียนการสอนแบบท่องจำ ทำให้ขาดการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต ในการเติบโตท่ามกลาง การเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 ซึ่งไม่ได้ให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เด็กจำนวนมากที่มีความถนัดหลากหลายหรือมีเป้าหมายการเรียนรู้ที่ไม่ใช่เชิงวิชาการจึงเรียนไม่ทันเพื่อน มีปัญหาในการปรับตัว หรือไม่รู้ว่าตนเองเรียนไปทำไม และไม่คิดว่าแนวทางการศึกษาในปัจจุบันจะไม่สามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานในอนาคตได้ ทำให้เด็กกลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะหันหลังให้การศึกษาและไม่ได้รับการพัฒนาความสามารถอย่างน่าเสียดาย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวก็ได้ทวีความรุนแรงขึ้นด้วยผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 เนื่องจากเด็กนักเรียนจำนวนหนึ่งไม่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ในการเรียนแบบออนไลน์ ไม่สามารถทำความเข้าใจบทเรียนออนไลน์ได้ ในขณะเดียวกัน ครูก็มีความท้าทายในการปรับตัวในการสอนแบบออนไลน์ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของ UNESCO ที่ว่าในปี 2568 นักเรียน 98 ล้านคนทั่วโลกจะถูกกีดกันออกจากการศึกษาระดับสูง